วางแผนการลงทุนยังไงให้ปัง!!! มาดูกัน

การลงทุนยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเพราะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้นานขึ้นหรือถ้าเกิดผิดพลาดอะไรมันก็จะลุกได้เร็วกว่าคนที่เริ่มช้าซึ่งกลับกันนั้นบางคนมีภาระที่เยอะหรือพึ่งจะมาสนใจการลงทุนก็ตอนอายุย่างเข้าเลข 3 แล้ว

 ถ้าถามว่าสายเกินไปไหม ถ้าคิดจะลงทุนตอนนี้

คำตอบง่ายๆคือมันไม่มีใครแก่เกินที่จะลงทุนหรอกเพราะถึงจะมาช้าแต่ก็ดีกว่าไม่มาเลยซึ่งถ้าเอาตามจริงช่วงอายุ 30 ปี มันถือว่าไม่สายเกินไปด้วยซ้ำเพราะยังสามารถรับความเสียงได้อยู่เพราะยังมีแรงทำงานหาเงินมาลงทุนได้อยู่

 แล้วในวัยนี้จะควรลงทุนแบบไหนดี? มาดูกัน

แนวทางการจัดแผนการลงทุนหรือจัดพอร์ตการลงทุนนั้นขออ้างอิงข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มองว่าคนอายุ 31-40 ปี คือ “วัยสร้างครอบครัว” ซึ่งจะเป็นช่วงที่เหนื่อยที่สุดในชีวิตแม้ว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นตามหน้าที่การงานแต่ภาระค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้นด้วยเช่นกันไม่ว่าจะค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ แต่งงาน ค่าเทอมลูก ฯลฯ ดังนั้นคนในวัยนี้ยิ่งมีภาระที่ต้องรับผิดชอบมากเท่าไหร่ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ก็น้อยลงโดยหลักๆแล้วจะแบ่งพอร์ตลงทุนได้ 50:50 ดังนี้

ลงทุนในหุ้น 50 : 50

อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าหุ้นเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงแต่ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนให้เงินออมงอกเงยดังนั้นควรแบ่งพอร์ตส่วนนี้สักครึ่งหนึ่งโดยอาจเน้นหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) ของบริษัทใหญ่ซึ่งเป็นเสาหลักในระบบเศรษฐกิจมากกว่าที่จะซื้อหุ้นขนาดกลางหรือขนาดเล็กหรือสามารถเลือกหุ้นปันผลสูงเพื่อเพิ่มกระแสรายได้

ลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ 50%

ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งของพอร์ตให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่ความเสี่ยงต่ำเช่น เงินฝาก พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ เป็นการสร้างสมดุล ความมั่นคง และกระจายความเสี่ยง โดยแบ่งเป็นเงินฝาก 20% ตราสารหนี้ 30% หรือยืดหยุ่นตัวเลขตามภาระค่าใช้จ่าย

จากที่อธิบายมาหลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วลงทุนตอนอายุเท่านี้แล้วจะมีเงินล้านไหม

  ถ้าถามว่าเป็นไปได้ไหมมันเป็นไปได้ตัวอย่างเช่นคนที่มีเงินเอน 30,000 บาทเริ่มลงทุนตอนอายุ 30 ปี เดือนละ 20% ของรายได้คิดเป็นเดือนละ 6,000 บาท พอร์ตการลงทุนมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 5% หลังจากคำนวณด้วยอัตราดอกเบี้ยทบต้น แล้วพบว่าเมื่อเวลาผ่านไป 11 ปี พอร์ตนี้จะมีเงินถึง 1,053,034 บาทอย่างที่เห็นแม้เพิ่งจะเริ่มลงทุนเราก็มีโอกาสสร้างเงินล้านได้เช่นกัน

  อย่างไรก็ตามการจัดพอร์ตลงทุนตามช่วงอายุที่กล่าวไปตอนต้นเป็นเพียงแนวทางหนึ่งเท่านั้นซึ่งแต่ละคนก็มีภาระต่างกัน ยอมรับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากันจึงสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมและสิ่งสำคัญคือควรศึกษาข้อมูลก่อนลงทุนเลือกลงทุนในสิ่งที่ตนเองเข้าใจมันและรู้ว่าต้องจัดการกับมันอย่างไร